เมื่อไม่กี่วันก่อนผมได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้เริ่มทำ SEO ท่านหนึ่ง เขามีคำถามเกี่ยวกับการแสดงผลของ Google Search ว่า “Google ทำยังไงให้หน้าเว็บที่ถูกนำมาแสดงในหน้าแรกนั้น เป็นหน้าเว็บที่เชื่อถือได้จริงๆ” ท่านที่เชี่ยวชาญในด้าน SEO อยู่แล้วคงทราบกันดี แต่สำหรับคนที่ไม่รู้นั้นมันดูเป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว นี่จึงทำให้ผมฉุกคิดขึ้นได้ว่าข้อมูลในเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจในการบอกเล่าและหาคำตอบกัน
อย่างแรกที่ต้องเข้าใจก่อนคือ ระบบในการตรวจสอบและให้คะแนนความน่าเชื่อถือของ Google Search นั้นประกอบไปด้วย 3 องค์ประกอบด้วยกัน คือ
- ตรวจสอบข้อมูลเว็บไซต์ : ระบบจะดูข้อมูลของหน้าเว็บนั้นๆ ก่อนที่จะให้คะแนนความน่าเชื่อถือ ทั้งในเรื่องของโครงสร้างหน้าเว็บ ระยะเวลาในการโหลดหน้า จำนวน Backlink ที่เชื่อมถึง และข้อมูลอื่นๆที่จะแสดงให้เห็นถึงความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์
- ความหน้าเชื่อถือของเว็บไซต์ : อย่างที่สองทาง Google จะตรวจสอบว่าหน้าเว็บนั้นมีความเกี่ยวข้องกับหน่อยงานของรัฐหรือไม่
- การป้องกัน ตรวจสอบและจัดการผู้ที่ฝ่าฝืน : สุดท้ายนี้ระบบของ Google Search ยังมีอัลกอริทึมที่คอยตรวจสอบว่าเนื้อหา Keyword และความเกี่ยงข้องที่ต้องเชื่อมโยงกับคำค้นหาที่ผู้คนใส่ลงไปจริงๆเท่านี้นถึงจะแสดงผลออกมา และหากหน้าเว็บนั้นทำผิดข้อตกลงของทาง Google หรือหากทำ SEO สายดำ จะก่อให้เป็นผลเสียต่อการจัดอันดับและได้รับบทลงโทษอย่างรุนแรง
ทั้ง 3 องค์ประกอบที่พูดถึงนี้เป็นเพียงแค่พื้นฐานในการจัดอันดับ หรือแสดงข้อมูลการค้นหาของทาง Google Search เท่านั้น เพราะนอกจากนี้การแสดงผลการค้นหาของทาง Google นั้นยังมีความละเอียดอ่อนและอัลกอริทึมอีกมากให้ต้องใส่ใจและเรียนรู้กัน
Google Search แสดงผลลัพธ์ได้แม้กระทั่งตอนเขียนผิด
ด้วยความที่ Google Search นั้นมีอัลกอริทึมที่สามารถเข้าใจถึงภาษาต่างๆได้ดี ทำให้การใส่ Keyword หรือคำค้นหาที่มีการสะกดผิดนั้น ก็ถูก AI คำนวนให้คำเหล่านั้นถูกต้องได้เอง รวมไปถึงทาง Google ได้ออกแบบอัลกอริทึมชนิดใหม่ที่มีชื่อว่า BERT ย่อมาจาก (Bidirectional Encoder Representations from Transformer) เป็นอัลกอริทึมที่ถูกพัฒนามารองรับการใช้ภาษาของมนุษย์โดยเฉพาะ ทำให้การค้นหาของระบบเข้าใจบริบทของ Keyword นั้นได้มากขึ้น และส่งผลให้การแสดงผลลัพธ์ของหน้าค้นหาได้ถูกต้องแม่นยำมากขึ้น
แต่ถึงอย่างนั้น ระบบ AI ก็ยังมีจุดบกพร่องที่อาจทำให้เครื่องมือเหล่านี้ไม่เข้าใจถึงเนื้อหาและข้อมูลของมนุษย์ได้อย่างแม่นยำทุกจุด ทำให้นอกเหนือจากความเกี่ยวข้องกันด้านภาษาแล้วนั้นทาง Google ยังจำเป็นต้องมีอัลกอริทึมหรือเครื่องมืออื่นๆเข้ามาช่วยเพื่อที่จะทำให้การแสดงผลการค้นหานั้นมีคุณภาพสูง ตัวอย่างเช่นเครื่องมือที่จะทำหน้าที่ในการตรวจสอบจำนวนหน้าเว็บที่เชื่อมโยงถึงเว็บไซต์ของคุณนั้นมีมากเพียงใด และหากมีจำนวนมากกว่าเว็บคู่แข่งคนอื่นๆเว็บไซต์ก็มีโอกาสสูงที่จะถูกทาง Google Search แสดงหน้าเว็บลงบนช่องค้นหาเกี่ยวกับ Keyword ที่เกี่ยวข้อง
Google มองความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์อย่างไร
ความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์เป็นอีกสิ่งที่สำคัญในการทำ SEO และมักถูกกล่าวถึงอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากตัว Google นั้นต้องการให้ผู้ค้นหาข้อมูลหรือใช้งาน Google Search ต้องได้รับข้อมูลที่ถูกต้องไม่บิดเบือนและเป็นประโยชน์ ด้วยเหตุนี้เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐ, บริษัทใหญ่ๆ จึงมักติดอันดับอยู่ในหน้าแรกของ Google
หากคุณต้องการเพิ่มคะแนนความน่าเชื่อก็จำเป็นต้องมีนักเขียนที่เชี่ยวชาญและมีคุณภาพอีกด้วย เนื่องจากหัวข้อหรือบาง Keyword มีความเกี่ยวข้องเฉพาะทางตัวอย่างเช่น สุขภาพ, การเงิน, กฎหมาย หัวข้อเหล่านี้นั้นล้วนเป็นหัวข้อที่ต้องมีความรู้เฉพาะทาง หรือเฉพาะสาขาวิชาชีพ ส่งผลให้ทาง Google Search มักให้คะแนนหรือจัดอันดับหน้าเว็บของการค้นหาคำเหล่านี้โดยอิงจากผู้เขียนที่ประกอบวิชาชีพนั้นๆ หรือมีวิชาความรู้เหล่านั้นโดยตรงมากกว่าผู้ที่เป็นนักเขียนทั่วๆไป เหตุผลก็มาจากการที่ผู้ประกอบอาชีพหรือผู้เชี่ยวชาญในด้านหัวข้อนั้นโดนตรงจะมีข้อมูลที่ผิดพลาดน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้มีความรู้หรือเชี่ยวชาญในด้านนั้นโดยตรง ทำให้ทาง Google จึงมองเห็นตรงจุดนี้และนำอัลกอริทึมในการจัดอันดับมาใช้สำหรับเนื้อหาเหล่านี้เช่นกัน
นอกจากนี้ทาง Google ยังมีระบบอื่นๆ หรือเครื่องมือต่างๆอีกมากที่ใช้สำหรับการตรวจสอบ ประเมินในแต่ละหน้าเว็บว่ามีความเกี่ยวข้องกับ Keyword ใด และมีคุณภาพกับความน่าเชื่อถือแค่ไหน ทำให้ทุกครั้งที่ผู้คนค้นหาข้อมูลโดยการใส่ Keyword ลงไปใน Google Search นั้นได้รับข้อมูลตรงตามที่ต้องการ ในส่วนของผู้ให้บริการหรือผู้จัดทำเว็บไซต์นั้นก็สามารถทำความเข้าใจ และเรียนรู้ถึงระบบต่างๆในการให้คะแนนของ Google ผ่านช่องทางการแนะนำข้อมูลได้ที่ https://static.googleusercontent.com/
เครื่องมือที่ใช้ในการช่วยค้นหาข้อมูลจาก Google ได้ง่ายมากขึ้น
อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการใช้งาน Google Search ของผู้คนส่วนมากนั้นเกิดขึ้นจากความต้องการหาข้อมูลต่างๆ แต่ว่าในหลายๆครั้งก็มีการค้นหาข้อมูลจากคำพูดหรือเนื้อเพลงเพียงบางท่อนที่ได้ยินมาจากคนอื่นหรือสื่ออื่นๆ โดยตั้งใจเพียงแค่หาว่าเพลงนั้นชื่ออะไร หรือ topic ที่ได้ยินมานั้นเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ใดกัน ในกรณีเหล่านี้ทาง Google ก็ได้มีเครื่องมือในการตรวจสอบเชื่อมโยงเกี่ยวกับเนื้อหาของคำค้นหาที่ใส่ลงไปนั่นคือ BERT ที่ได้กล่าวไว้แล้วในหัวข้อด้านบน
แต่ว่าในบางกรณีที่ผู้ค้นหามีเพียงรูปถ่าย ก็สามารถใช้มันเพื่อทำการค้นหาข้อมูลของรูปถ่ายหรือภาพถ่ายนั้นได้ผ่านทางเครื่องมือค้นหาด้วยภาพ https://www.google.co.th/imghp?hl=th ที่จะแสดงผลลัพธ์ความเกี่ยวข้องหรือที่มาของภาพนั้นๆทันทีเมื่ออัพโหลดรูปลงไป ทำให้ช่วยค้นหาข้อมูลได้หลากหลายและสะดวกมากยิ่งขึ้น
การป้องกันและการจัดการผู้ที่ฝ่าฝืนข้อตกลงของ Google
แน่นอนว่าทาง Google เองก็มีนโยบายและข้อห้ามต่างๆที่หากละเมิดหรือทำลงไปก็จะโดนบทลงโทษแตกต่างกันออกไปตามแต่ละกรณีไป ซึ่งการตรวจสอบของทาง Google จะเริ่มจากการใช้ AI ในการตรวจสอบความผิดปกติของเว็บไซต์หรือหน้าเว็บต่างๆ หากทำผิดก็จะลงโทษ เพียงแต่ว่าระบบนี้ก็ยังมีช่องโหว่ทำให้ยังมีความผิดพลาดในการตรวจสอบหรือตกหล่นไปบ้าง ในส่วนนี้จะมีทีมงานจากทาง Google โดยตรงทำการตรวจสอบแทนนั่นเอง